Search

ได้รับรู้ความรู้สึกของเพื่อนหลายคนในช่วงเวลานี้ จำ...

  • Share this:

ได้รับรู้ความรู้สึกของเพื่อนหลายคนในช่วงเวลานี้ จำนวนไม่น้อยที่รู้สึกเหนื่อยล้า หมดไฟ ขาดเป้าหมาย กำลังใจเหือดแห้ง ขอแบ่งปันบางสิ่งเผื่อเป็นประโยชน์ในบางแง่มุมนะครับ

1. ปรับขนาดความคาดหวัง:

คำนี้ผมได้มาจากศานนท์ หวังสร้างบุญ ตอนถ่ายหนัง 'เรื่องราวของการล้ม' ผมเห็นด้วยกับเขาที่บอกว่า บางทีในช่วงยากๆ แล้วเราทุกข์หนักเพราะยังคงวางความหวังไว้แบบเดิม หากลองปรับไซส์ความฝันลง เราอาจใจเบาขึ้นได้บ้าง

...

2. ถ้าไฟมอดก็รอสักนิด:

บางทีความรู้สึกแย่ว่าช่วงนี้ตัวเองไม่ค่อยมีประสิทธิภาพกลับเป็น 'ดาบสอง' ที่ทำร้ายเรา อาจมีบางเวลาที่รู้สึกล้า ไม่มีกะจิตกะใจทำอะไรได้มากเท่าเดิม การอนุญาตให้ตัวเองได้ 'พัก' ในช่วงไฟมอดก็จำเป็น เพราะไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่สู้ต่อ แค่พักเอาแรง รอเวลา ตั้งสติ เมื่อคิดออก เห็นลู่ทาง หรือสะสมพลังได้แล้วก็ค่อยลุยกันใหม่

...

3. หาเวลาปรับทุกข์:

สำคัญไม่แพ้การขับถ่าย, เรื่องราวในใจก็ต้องการการระบายออก ถ้าทำได้ทุกวันจะดีมาก ไม่งั้นก็บ่อยเท่าที่ทำได้ บอกเล่าเรื่องราวในใจกับใครที่รับฟัง น่าไว้ใจ ใช้เวลากับคนคนนี้อย่างมีคุณค่า ไม่ถูกแทรกแซงโดยมือถือหรือแอปใดๆ นี่คือเวลาสำคัญของวัน แล้วเราจะใจเบาขึ้น มีเรี่ยวแรงมากขึ้น กำลังใจบางทีก็ได้จากคนใกล้ตัวนี่เอง

...

4. หาสิ่งใหม่เล็กๆ ให้ชีวิต:

มองหากิจกรรม สิ่งของ ขนม ผู้คน หรืออะไรก็ได้ที่ยังไม่เคยลองลิ้มชิมรส ลองมีประสบการณ์กับสิ่งนั้นหรือคนนั้น ไม่ต้องยาก อาจเป็นแค่เปิดเพลงแนวใหม่ฟัง อ่านหนังสือเล่มที่แปลกจากที่เคย ดูสารคดีอะไรใหม่ๆ สิ่งเหล่านี้ทำให้รู้สึกว่าโลกยังน่าตื่นเต้น ไม่ได้วนเวียนอยู่กับเรื่องเดิมๆ

...

5. ทำร่างกายให้เหงื่อออก:

20-30 นาทีที่เหงื่อออกจะช่วยให้อารมณ์เศร้าๆ หมองๆ เปลี่ยนกลับมามีพลัง ความเครียดมลายหายไป ช่วงเวลาต่อเนื่องของการออกกำลังกายช่วยสร้างสมาธิได้ดี เพราะอยู่ห่างจากหน้าจอ ใช้เวลาไม่นานเลย แต่เปลี่ยนมู้ดแน่นอน

...

6. ไม่นอนดึกเกินไปนัก:

แต่ละวันนั้นวัดกันตั้งแต่เมื่อคืนนี้ วันนี้ของเราคือผลลัพธ์จากการนอนในคืนก่อนหน้า ธรรมชาติแต่ละคนแตกต่างกัน แต่อย่างไรเราก็ต้องการการนอนที่ยาวนานพอและมีคุณภาพ หากรู้สึกไม่ค่อยดีกับชีวิตลองทบทวนการนอนของตัวเองและใส่ใจมากขึ้น ปิดไฟห้องนอนเร็วขึ้นหน่อย อย่าดูอะไรเครียดๆ หรืออ่านอะไรเครียดๆ ก่อนนอน หายใจลึกๆ แล้วอยู่กับลมหายใจสักห้านาทีระหว่างหลับตาแล้วหัวหนุนหมอน นอนดีก็จะมีชีวิตที่ดีในอีกวัน

...

7. ไม่คาดคั้นกับชีวิตจนเกินไป:

บางทีเราอาจมองเป้าหมายในชีวิตเป็นสิ่งยิ่งใหญ่ เร่งเร้าตัวเองให้ทำให้ได้ มองเรื่องต่างๆ ในโหมดแข่งขัน เอาชนะ กำไร-ขาดทุน ซึ่งไม่ผิด แต่ถ้ามากเกินไปหรือมีมิติเดียวก็จะทำให้รู้สึกเหมือนแบกความคาดหวังของตัวเองไว้บนบ่าตลอดเวลา ในบางเวลาก็จำเป็นต้องปล่อยชีวิตให้ช้าลงบ้าง ลดสปีดตามสถานการณ์ ในเวลาที่ได้หายใจลึกๆ นั่งนิ่งๆ ในช่วงพักผ่อนเราอาจตระหนักขึ้นมากับตัวเองว่า ชีวิตที่มีอยู่ก็น่าจะขอบคุณตัวเองได้แล้ว ขอบคุณที่พยายาม ขอบคุณที่ทำเต็มที่ ขอบคุณที่พาตัวเรามาถึงจุดนี้ ให้รางวัลตัวเองด้วยการผ่อนคลายบ้าง ไม่รีบเร่งไปถึงเป้าหมายบ้าง ได้ทำอะไรไร้สาระบ้าง ไม่ต้องขยันตัวเป็นเกลียวหรือวิ่งไล่ตามโลกตลอดเวลาก็ได้ แพ้บ้างก็ได้ ไม่เก่งบ้างก็ได้ ชื่นชมกับสิ่งที่เรามีอยู่ ยิ้มให้ตัวเองในแบบที่ตัวเองเป็น

อันที่จริง ถ้าไม่เทียบกับใคร เราก็ดีในแบบเรา สวยงามในแบบเรา และน่าชื่นชมในมุมใดมุมหนึ่ง เรื่องใดเรื่องหนึ่ง มีสิ่งน่าภูมิใจที่เรารู้ดีว่ามันน่าภูมิใจ ตั้งเป้าไกลและรีบเกินไปบางทีกลับทำให้ละเลยสิ่งดีๆ ของตัวเอง

...

ดูแลจิตใจตัวเองเป็นเรื่องสำคัญ จะว่าไปการมีชีวิตอยู่และได้รู้สึกดีกับตัวเอง รู้สึกดีกับคนรอบข้าง รู้สึกดีกับเรื่องราวหลายเรื่องที่ได้พบเจอก็นับเป็นชีวิตที่โอเคแล้ว สะสมแรงพลังไว้ ถ้าวันไหนมีเรี่ยวแรงก็พัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นไปอีก เปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีอย่างที่เราอยากเห็น แต่ในวันที่ต้องการการผ่อนคันเร่ง ดูแลตัวเอง หย่อนเป้าหมาย ก็ไม่ได้ผิดอะไร ไม่มีใครเร่งไปสู่เป้าหมายได้ทุกวันหรอกกระมัง

ผ่อนเมื่อเหนื่อย ไปต่อเมื่อพร้อม

เดินหน้าก็สำคัญ ชะลอลงและผ่อนแรงก็สำคัญ

สมดุลคือกุญแจสำคัญของการมีชีวิตอยู่

ด้วยมิตรภาพครับ, อาจพอช่วยได้บ้าง 😊


Tags:

About author
not provided
นิ้วกลม / ติดต่อซื้อหนังสือที่คุณแบม 098-392-8551 / ติดต่องานที่คุณหนึ่ง 087-712-5874 ขอบคุณครับ :)
View all posts